บทที่ 4 หมู
ยามนั้น มู่ชิงซานไม่เคยพบสตรีนางใดอัปลักษณ์มาก่อน เขานิยมของสวยงาม เมื่อเห็นใบหน้านางผู้นี้ก็ต้องเบือนหน้าหนี ความรู้สึกตึงเครียดเกิดขึ้นฉับพลัน ทว่าในหัวกลับคิดถึงสิ่งที่มารดาเคยกล่าวไว้ หรือนางผู้นี้มีวาสนาผูกพันต่อเขา หาใช่ฟ่านเยี่ยฉี ไซซีแห่งแคว้นหมิง!
“เสียลูกตาโดยแท้ ข้าคงโชคร้ายไปหลายวัน หรือถึงอาจต้องนั่งสมาธิปัดเป่าความน่ากลัวของเจ้าออกจากตัว” เขาทำเสียงฮึ่มฮั่ม นางอัปลักษณ์ใช่...คำนี้ถูกต้องแน่แท้ ตั้งแต่เกิดมาความงามของสตรีคืออาหารชั้นเลิศของเขา หญิงงามควรมีดวงตาสวยดำขลับรับแพขนตางอน ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อ แก้มเนียนใสแต้มสีสันดั่งลูกท้อ และอันที่จริงนางผู้นี้พอจะมีสิ่งที่กล่าวมาให้เห็นอยู่บ้าง ทว่าสิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาตอนนี้คือจมูกของนาง!
“น่าเกลียดน่าชังโดยแท้!”
มู่ชิงซานไม่ใช่คนที่นิยมเหยียดหยามสตรี ทว่าการพบเห็นนางผู้นี้กลับทำให้เขาหลุดปากด้วยถ้อยคำร้ายๆ ติดกันหลายหน
“ชะ...ช่วยข้าด้วย” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยแล้ววิ่งถลามาหาเขาราวกับไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
ชายหนุ่มกลั้นลมหายใจลึก เขาเผลอทำอย่างนั้นด้วยตะลึงงันต่อใบหน้านาง กระนั้นถึงจะมีดวงหน้าแสนขี้ริ้วขี้เหร่ ทว่าเมื่อพิศรูปร่างนาง เขาต้องนึกขบขันตนที่มีจิตใจวิปลาส หน้าอกหน้าใจนางอวบสวย ตรงยอดถันนูนเด่นชัดในเสื้อผ้าตัวบางพลิ้วซึ่งยามนี้มันแนบเนื้อ แต่เขาคงทำใจไม่ได้ยามต้องมองใบหน้าแสนอัปลักษณ์
“คุณชายโปรดช่วยข้า”
ฟ่านรั่วเจี๋ยร้องเรียกเขาและวิ่งตรงมาอย่างแน่วแน่ ทว่าด้วยความตกใจและตื่นตระหนกจึงไม่ได้สังเกตว่าอีกฝ่ายเป็นชายที่นางไม่ควรเข้าใกล้อย่างที่สุด
“เหตุใดข้าต้องลำบากเพราะเจ้า” มู่ชิงซานตวาดใส่ เพื่อปรามอีกฝ่ายที่กำลังจะโผเข้ามาหาตน
“บ้านเมืองกำลังมีภัยใหญ่หลวง ผู้อ่อนแอกำลังถูกคนใจดำอำมหิตรุกราน บุรุษเช่นท่านยังเพิกเฉยได้หรือ”
“ฮ่าๆ ช่างน่าขัน แล้วใครใช้ให้พวกมันเอาแต่หดหัวไม่สามัคคีกันล่ะฮ่องเต้แคว้นหมิงก็อ่อนแอ แผ่นดินนี้สมควรตกเป็นของต้าหลาง”
เมื่อหญิงสาวเข้ามาอยู่ใกล้ๆ มู่ชิงซาน นางจึงอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และด้วยแสงแดดสุดท้ายของวันจึงทำให้นางเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนของแคว้นหมิง!
“ทะ...ท่าน เป็นท่านใช่หรือไม่”
นางมองอีกฝ่าย ยามนี้มู่ชิงซานไม่ได้สวมหน้ากากเหล็กหัวหมาป่ากระนั้นด้วยไอสังหารที่แผ่อยู่รอบตัวเขาทำให้นางมั่นใจว่าไม่ผิดตัว และผ้าคลุมสีแดงที่เขาสวมอยู่ก็ปักชื่อมู่ชิงซาน!
“บัดซบ ควรเป็นข้ามากกว่าที่ต้องถามเช่นนั้น เจ้าเป็นคนหรือตัวประหลาด ไขข้อข้องใจให้ข้ารู้เดี๋ยวนี้”
หญิงสาวที่วิ่งมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยจนตัวโยนมองหน้าปีศาจแห่งสงคราม ก่อนหวีดเสียงแหลมใส่เขา “มู่ชิงซาน คนเลวต้าหลาง ท่านจะทำให้แผ่นดินหมิงลุกเป็นไฟ!”
“นับว่าเจ้าตาถึง อัปลักษณ์เช่นนี้ยังมีความดีอยู่บ้าง อย่างน้อยคงหากินด้วยการทำนายที่แม่นยำ ใช่...ข้าคือบุรุษผู้นั้น ชายตระกูลมู่แห่งต้าหลาง”
เป็นยามนั้นที่นางผู้พลัดหลงมาดึงเสื้อที่ขาดปิดเต้านมของตน คราแรกมู่ชิงซานไม่คิดอยากแลเนื้อตัวนางด้วยซ้ำ แต่แผ่นหยกสีขาวเนื้อดีที่สะท้อนกับแสงสุดท้ายของวันที่นางถือไว้ในมือข้างหนึ่งทำให้เขาฉงนฉงาย
“จะ...เจ้าได้มันมาเยี่ยงไร”
รอยยิ้มกว้างบนดวงหน้าที่ใครต่างเห็นว่าอัปลักษณ์ฉายขึ้นอย่างเป็นปริศนา ซึ่งแจ้งชัดแก่มู่ชิงซานว่า นางผู้นี้เป็นสตรีอัปมงคล และเขามิอาจไว้ใจ!!
มู่ชิงซานกระโดดลงจากม้าศึกตัวโตแล้วเข้าไปกระชากหยกจากมือเรียวสวย ดวงตาคมกริบยามนั้นคล้ายก่อเกิดลูกไฟที่พร้อมแผดเผาร่างงามที่มีผิวสีขาวละเอียด สองแก้มนางทาบด้วยเลือดฝาด ริมฝีปากอิ่มสวยเผยอน้อยๆ คล้ายต้องการเย้ายั่ว กระนั้นเขาไม่คิดแยแส สตรีผู้นี้จงใจใช้วิชามารลวงใจเขา แต่นางกลับไม่เจียมสังขารตน!
“ต่ำช้า...เจ้าได้ป้ายหยกนี้มาเยี่ยงไร”
ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ตอบ นางจ้องดวงตาเขาอย่างท้าทาย ในใจคิดลำพองมิอยากเชื่อว่าจุดอ่อนของปีศาจกระหายสงครามคือน้องชายของเขา มู่หรูซื่อนางจะปล่อยให้เขารับป้ายหยกนี้ไปเป็นของต่างหน้า ส่วนชายผู้ที่นางบังเอิญจับตัวเขาไว้ได้คงใช้เป็นหมากต่อรองกับศัตรูของแคว้นหมิง
“ท่านไม่เห็นความงามของข้ารึ” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ย
“ฮ่าๆ สวรรค์เมตตา สตรีที่ดูแล้วไม่แจ้งชัดว่าเป็นคนหรือผียังกล้าอวดอ้างโฉมของตน เจ้าช่างไม่เจียมตัว”
แม้จะแค้นใจ แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยมีความประสงค์อย่างแรงกล้า นางต้องหาทางต่อรองกับบุรุษปีศาจ การได้เข้าใกล้เขาอย่างประชิดตัวนับว่าสวรรค์เป็นใจ “ข้าได้มันมาจากชายผู้หนึ่ง ตอนนี้เขาได้รับพิษร้ายแรง เกรงว่าอาจรักษาชีวิตไว้ได้อีกไม่เกินสามชั่วยาม”
“ฮึๆ แล้วข้าจะมั่นใจคำพูดสตรีที่มีรูปโฉมเยี่ยงสัตว์ประหลาดได้หรือ”เขากล่าวออกไป และมิวายสำรวจนางราวกับเป็นสินค้า ก่อนจะต้องทำหน้าแขยงเมื่อจ้องไปที่จมูกอันใหญ่โตของนาง สิ่งที่เห็นติดอยู่ที่ปาก และคิดเปรียบเทียบจมูกของสตรีผู้นี้กับสิ่งใด
“จริงหรือลวง ท่านคงต้องตรองดูเอง ข้าไม่ได้มีหน้าที่แจ้งสิ่งใดต่อท่าน”
“เกรงว่าที่เจ้าเอ่ยคงเป็นเพราะไม่อยากมีลมหายใจสืบต่อไป ถึงได้กล้าต่อรองข้า!” มู่ชิงซานกัดฟันเสียงดังกรอดๆ หากใครว่าเขาเป็นหมาบ้านางก็คงเชื่อ!
“หามิได้ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้านั้นต่ำต้อยที่เสี่ยงชีวิตออกมาเพื่อส่งข่าวให้ท่าน เป็นเพราะไม่อยากให้มีการสูญเสีย โดยเฉพาะชีวิตของคุณชายสูงศักดิ์ผู้นั้น” ฟ่านรั่วเจี๋ยรู้สึกเป็นต่อ ผู้ชายที่นางจับตัวไว้ช่างเป็นหมากสำคัญที่จะนำชัยชนะมาสู่แคว้นหมิง
“หมู!” จู่ๆ มู่ชิงซานก็โพล่งขึ้น เขาลืมเรื่องที่สนทนากับนางไปชั่วครู่
